EURUSD และ GBPUSD ดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ ขณะที่ USDJPY ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ราคาทองคำเกิดการดึงกลับจากแนวรับ ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบสูญเสียโมเมนตัม โดย EURUSD, GBPUSD และ USDJPY เผชิญแรงกดดัน
ตลาดการเงินเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยบรรยากาศเชิงบวกจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ทั้งความผ่อนคลายเกี่ยวกับนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ความหวังต่อการเจรจาหยุดยิงระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมถึงตัวเลขดัชนี PMI ที่มีการรายงานออกมาผสมผสานในหลายทิศทาง
USDJPY ท้าทายแนวโน้ม โดยพุ่งสูงขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน ในขณะที่ Antipodean ผันผวน
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงในวันพฤหัสบดี ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความเชื่อมั่นเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงสินแร่ระหว่างสหรัฐฯ-ยูเครน
แนวโน้มตลาดในวันพฤหัสบดีเป็นไปในเชิงบวก แต่ยังคงมีบรรยากาศการซื้อขายที่ระมัดระวัง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม และส่งสัญญาณว่าอาจทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2025
วันอังคาร บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง โดยความสนใจของนักลงทุนมุ่งไปที่ความกังวลเรื่องภาษีศุลกากร และการพูดคุยกันเกี่ยวกับอิทธิพลของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีต่อหน่วยงานของสหรัฐฯ
ความเชื่อมั่นของตลาดปรับลดลงในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนกลับมาประเมินข่าวสารเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงระหว่างยูเครน-รัสเซียอีกครั้ง
EURUSD และ GBPUSD แตะที่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ USDJPY เคลื่อนไหวสวนทางตลาดโดยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ตลาดการเงินเผชิญความผันผวนอย่างหนักในวันพฤหัสบดี จากข่าวสารที่หลากหลายเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงระหว่างยูเครน-รัสเซีย และความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทำให้บรรดานักลงทุนสั่นคลอน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง
ตลาดการเงินปรับตัวดีขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ชะลอตัว ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ลดลง และความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
ตลาดยังคงมีความผันผวนจากข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครน-รัสเซีย และความตึงเครียดกับอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้กับนักลงทุนที่อาศัยโมเมนตัมของตลาดในการเทรดยังคงมีท่าทีระมัดระวัง
ตลาดการเงินยังคงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังในวันจันทร์ หลังจากที่ทิศทางของตลาดโดยรวมมีแนวโน้มเชิงบวกในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยปัจจัยกดดันหลักมาจากภาวะเงินฝืดในจีน และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กของสหรัฐฯ