GBPUSD: RSI ที่บ่งชี้ถึงแรงเทซื้อที่มากเกินไป และแนวต้านสำคัญทดสอบแรงเทซื้อที่ระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือน
ช่วงแนวโน้มขาขึ้นคู่เงิน GBPUSD กำลังหยุดพักที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 หลังจากพุ่งสูงขึ้นติดต่อกัน 6 วัน แม้ว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดจะซบเซาก็ตาม อย่างไรก็ดี ปอนด์สเตอร์ลิงกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านสภาพคล่อง ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลสำคัญและเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ใกล้จะมาถึง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโมเมนตัมขาขึ้นที่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนนี้
การดึงกลับของระดับราคาดูเหมือนจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่ช่วงแนวโน้มขาขึ้นยังคงควบคุมทิศทางของตลาด
นอกจากความกังวลของตลาดก่อนการเปิดเผยปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้แล้ว สัญญาณ RSI (14) ที่บ่งชี้ถึงแรงเทซื้อที่มากเกินไป และเส้นแนวต้านขาขึ้นอายุ 10 สัปดาห์ที่ล่าสุดใกล้กับระดับ 1.3430 ยังบ่งชี้ว่าราคาคู่เงิน GBPUSD อาจจะเข้าสู่ภาวะ consolidation
ระดับทางเทคนิคสำคัญ
คู่เงิน GBPUSD มีแนวโน้มที่จะเกิดการดึงกลับของระดับราคา โดยมีแนวรับสำคัญระยะสั้นที่ระดับ Fibonacci extensions 61.8% และ 50% ของการเคลื่อนไหวของระดับราคาในช่วงเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.3375 และ 1.3300 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ระดับสูงสุดในรอบเดือนก่อนหน้าที่บริเวณ 1.3265 และเส้น 21-SMA ที่ราวๆ 1.3190 จะมีความสำคัญ เนื่องจากระดับเหล่านี้สอดคล้องกับฐานของรูปแบบกราฟ bearish wedge ใกล้กับระดับราคาที่ประมาณ 1.3140 ซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นแนวรับสุดท้ายสำหรับแรงเทซื้อ
ในทางกลับกัน หากแรงเทซื้อต้องการกลับมาควบคุมตลาดอีกครั้ง แรงเทซื้อจำเป็นต้องทำลายแนวต้านที่ระดับ 1.3440 หากทำสำเร็จ คู่เงิน GBPUSD อาจตั้งเป้าหมายไปที่จุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ประมาณ 1.3645 และจุดสูงสุดในปี 2022 ที่ราวๆ 1.3748 การเคลื่อนไหวของระดับราคาอย่างมั่นคงที่ยืนเหนือระดับ 1.3750 อาจนำไปสู่การทดสอบระดับราคาที่บริเวณ 1.4000 ต่อไป
จับตามองข้อมูลและเหตุการณ์สำคัญของสหรัฐฯ
อินดิเคเตอร์ชี้วัดทางเทคนิคของคู่เงิน GBPUSD บ่งชี้ว่าอาจมีการดึงกลับของระดับราคาเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แม้ว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจล่าสุดจากสหรัฐฯจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2024 ก็ตาม ดังนั้น ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญจากแถลงการณ์ของ Jerome Powell ประธาน Fed ในวันพฤหัสบดี และการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Price Index) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญในวันศุกร์ จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางของตลาด
