ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ
MTrading Team • 2024-05-31

ราคาทองคำพยายามรักษาระดับการพุ่งสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของ Fed

ราคาทองคำพยายามรักษาระดับการพุ่งสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของ Fed

ความเชื่อมั่นในตลาดยังคงผันผวน ขณะที่ นักลงทุนกำลังรอคอยการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ให้ความสำคัญอย่างดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) นอกเหนือไปจากความกังวลก่อนการรายงานข้อมูลสำคัญ ตัวเลขดัชนี PMI อย่างเป็นทางการของจีนที่ปรับลดลง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ยังส่งผลต่อสภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงของตลาดอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) จึงพลิกกลับจากการร่วงลงของวันก่อนหน้า ในขณะที่มีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นในรอบสัปดาห์อีกครั้ง และยังเป็นที่น่าสังเกตว่าดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากได้เห็นข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ถดถอยลง และการดึงกลับของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯประกอบกับบรรยากาศการลงทุนที่มีความระมัดระวังก่อนการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนยังได้ท้าทายแรงเทซื้อคู่เงิน EURUSD ในขณะเดียวกัน คู่เงิน GBPUSD ก็ชะลอตัวจากการฟื้นตัวก่อนหน้า และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ คู่เงิน USDJPY ขยายการร่วงลงของวันก่อนหน้าเป็นผลมาจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง โดยคู่เงิน USDCAD ชะลอการพุ่งสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลง ขณะที่เทรดเดอร์คู่เงิน Loonie กำลังรอคอยการรายงานตัวเลข GDP ของแคนาดา

คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ไม่ได้ปรับตัวตามความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนที่ถดถอยลงและความวิตกกังวลของตลาด ท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยตามแนวทาง “higher for longer” ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ทางฝั่งของราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่จะพลิกกลับการร่วงลงในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2024 แม้ว่าข่าวสารจากจีนและการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของราคาทองคำก็ตาม นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังคงร่วงลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน แม้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์ของสหรัฐฯจะปรับลดลง

ในอีกทางหนึ่ง BTCUSD และ ETHUSD ยังคงปรับตัวลง แม้ว่าจะขาดโมเมนตัมในระหว่างวัน ขณะที่ตลาดคริปโตได้เห็นการปรับฐานหลังจากการพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจากการอนุมัติกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน ETF

มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:

  • น้ำมันดิบ WTI ยังขาดทิศทางที่ชัดเจนที่บริเวณ $77.80 หลังจากร่วงลงติดต่อกันสองวัน
  • ทองคำ (Gold) ชะลอตัวจากการฟื้นตัวของวันก่อนหน้า ขณะที่ล่าสุดอยู่ที่ราวๆ $2,345
  • ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD INDEX) ชะลอตัวจากการร่วงลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองสัปดาห์ ขณะที่พุ่งสูงขึ้นเล็กน้อยที่ประมาณ 104.85
  • ตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ปิดลบเล็กน้อยและท้าทายช่วงแนวโน้มขาขึ้นของ หุ้นในโซนเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ หุ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักร ยังคงผันผวนในช่วงเปิดการซื้อขาย
  • BTCUSD และ ETHUSD ยังคงไม่มีทิศทางที่ชัดเจนที่ประมาณ $68,400 และ $3,750 ตามลำดับ
เงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุด
รับโบนัสเงินฝากสูงสุดถึง 200% รับโบนัสเงินฝากสูงสุดถึง 200%
Spread 
เริ่มต้นที่ 0 pip Spread 
เริ่มต้นที่ 0 pip
แพลตฟอร์ม Copy
Trade ระดับโลก แพลตฟอร์ม Copy 
Trade ระดับโลก
เข้าร่วมเลย

บรรยากาศการลงทุนที่ระมัดระวังหนุนดอลลาร์สหรัฐฯฟื้นตัว แต่ทองคำยังมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในรอบสัปดาห์….

ดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มปิดสัปดาห์ด้วยการแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง แม้จะอ่อนค่าลงในวันก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะยังคงนโยบายการเงินที่เข้มงวด แม้ว่าดัชนีราคา PCE พื้นฐานของสหรัฐฯในวันนี้จะปรับตัวลงจากเดือนก่อนก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯอาจเป็นตัวเลขดัชนีชี้วัดภาคการผลิตอย่างเป็นทางการของจีน (NBS Manufacturing PMI) ประจำเดือนพฤษภาคมที่ตกต่ำ ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนนั้นหดตัวลง นอกจากนี้ อิสราเอลยังลังเลที่จะหยุดการโจมตีทางทหารในเมืองราฟาห์ โดยไม่คำนึงถึงแรงกดดันจากทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯมีความพร้อมที่จะจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งได้สร้างความกังวลและสนับสนุนความต้องการดอลลาร์สหรัฐฯในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมาชิกคณะกรรมการ FOMC ส่วนใหญ่ผลักดันให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเลื่อนออกไปจนถึงปลายปี 2024

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การรายงานครั้งที่สองของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสหรัฐฯ (GDP) ไตรมาส 1 ที่ปรับตามฤดูกาล (Annualized) แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจเติบโตช้าลง โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 1.3% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 1.6% รายละเอียดของข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่า การบริโภคและแรงกดดันด้านราคาเริ่มชะลอตัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เมื่อประกอบกับตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นและยอดขายบ้านรอโอนของสหรัฐฯที่หดตัว ยังส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเกิดการดึงกลับอีกด้วย

แม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯจะส่งผลกระทบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของยูโรโซนสำหรับเดือนพฤษภาคม และอัตราการว่างงานสำหรับเดือนเมษายนที่ปรับตัวดีขึ้น ยังช่วยให้คู่เงิน EURUSD ฟื้นตัวขึ้นก่อนการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อหลักของกลุ่มประเทศยูโรโซนที่จะประกาศในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่วนใหญ่ยืนยันที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความลังเลที่จะเสนอมาตรการเพิ่มเติม จึงส่งผลให้การรายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค CPI และดัชนีราคาผู้บริโภค HICP ของสหภาพยุโรปในวันนี้มีความสำคัญ

ขณะที่ คู่เงิน GBPUSD ฟื้นตัวในวันก่อนหน้าจากดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง แต่ยังคงมีแนวโน้มที่จะยุติแนวโน้มขาขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรที่ผันผวนทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ BoE

ในทางตรงกันข้าม การขาดความเชื่อมั่นในการดำเนินการครั้งถัดไปของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ไม่สามารถหนุนราคาคู่เงิน USDJPY ให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ แม้ว่าตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคกรุงโตเกียว (Tokyo CPI) ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนเมษายนจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม แรงกดดันด้านลบเพิ่มเติมต่อคู่เงินเยนยังมาจากการดึงกลับของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับท่าทีต่อไปของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ก็ยังคงปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์ต่างมีการคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีน ซึ่งจะช่วยหนุนสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans ให้พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของแคนาดา ล้วนส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD)

โดยราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวก่อนการประชุมในช่วงสุดสัปดาห์ของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งคาดว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ทั่วโลกจะยังคงขยายการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อไป ส่งผลให้ราคาพลังงานไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยสนับสนุนอื่นๆได้อย่าง การลดลงของปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับภาวะการขาดแคลนน้ำมันดิบอันเนื่องมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ราคาทองคำยังคงแข็งแกร่งในภาพรวมรายสัปดาห์ แม้ล่าสุดจะยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ ขณะที่ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในตลาดหุ้น รวมถึงความคาดหวังว่าประเทศเศรษฐกิจหลักจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน นอกจากนี้ ความยากลำบากของดอลลาร์สหรัฐฯในการรักษาระดับราคาที่พุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา และความคาดหวังที่ว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยให้ราคาทองคำสปอต (XAUUSD) ยังคงปรับตัวสูงขึ้น

  • สัญญาณซื้อแรง: USDCAD, USDJPY, US Dollar, Silver
  • สัญญาณขายแรง: AUDUSD, NZDUSD, GBPUSD
  • สัญญาณซื้อ: BTCUSD, ETHUSD, Nasdaq, Gold, DJI30, USDCNH
  • สัญญาณขาย: DAX, FTSE 100, EURUSD, Crude Oil

การรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออยู่ในความสนใจ...

ไม่ว่าจะมาจากยูโรโซนหรือสหรัฐอเมริกา ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อก็เป็นปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางของ ECB และ Fed ต่างพยายามลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยซ้ำๆในปี 2024 นอกเหนือไปจากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1 จากอินเดียและแคนาดาแล้ว การประชุมในช่วงสุดสัปดาห์ของกลุ่ม OPEC+ ก็ยังมีความสำคัญที่ต้องจับตามองเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มสูงที่จะประกาศการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิถุนายน และมีโอกาสที่จะดำเนินการตามแนวทางนั้นมากกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงที่เหลือของปี 2024 ในทางกลับกัน เดิมทีตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่ล่าสุดการคาดการณ์ดังกล่าวกลับมีการเปลี่ยนแปลง และยังส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น โดยเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1-2 ครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม

ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปที่แข็งแกร่งอาจไม่สามารถช่วยให้คู่เงิน EURUSD ปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ในขณะที่ ตัวเลขเซอไพรสเชิงบวกของข้อมูลดัชนีราคา PCE พื้นฐานของสหรัฐฯอาจจะส่งผลกดดันให้คู่เงินยูโรปรับลดลงและท้าทายแรงเทซื้อทองคำได้

ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !